People Blogger
เขียนโดย Phra Niphatharo @ 11:30 2 ความคิดเห็น
“น่าที่จะยกเรื่อง ‘สีธง’ แลปัญญาตะวันออก หรือปรัชญาตะวันออก ลงว่าเรื่องปรัชญาสว่างไสว ฉะนั้น ก็ย่อมว่ารวมไป ลงในเรื่องของปัญญา นั่นเอง , จัดไว้ ในแง่มุมของเรื่อง และการให้ได้สัญญาอาณัติ มาสู่โลกทั้งปวงนี้ , นัยเพราะว่า ได้สัญญาณ มาจากธง หรือก็คือ ‘สีธง’ เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วก็จำต้องได้เป็นทาสกลางวัน และเป็นทาสของงานวันนี้ ไปจวบจนกว่าจะถึงกลางคืนนั่นแหละ ถึงจะได้พัก , แล้ว เรื่อง ‘สีธง’ ตามปัญญาตะวันออกเหล่านี้ กล่าวนั้น ว่ามี ๖ สี ๖ ข้อเรื่อง , ซึ่งไม่ได้มีปัญหา ว่าใครๆ จะไม่รู้ในข้อนี้แต่ปัญหามาอยู่ที่ว่า อะไร? คือปรัชญาตะวันออก หรือปัญญาตะวันออก เพราะแต่ปัญญา จากพุทธปรัชญา และพุทธปัญญาที่เรียนกันอยู่ เป็นตะวันตกของฝ่ายตะวันออก อยู่โสดหนึ่ง ด้วยทั้งอาการนั้น ด้วยทั้งภูมิประเทศ ซึ่ง ก็ค่อนจะ ที่จะ ไม่ได้เป็นตะวันออกแท้ ๆ , ไม่เหมือนกับที่ได้มาเป็น ‘ภูมิปัญญาไทย’ ของเราแล้ว ซึ่งจัดว่าเป็นตะวันออกแท้ ทั้งอาการ และทั้งภูมิประเทศ และทางออกไปสู่ภูมิภาค ฉะนั้น ก็ย่อมจะต้องว่า ตะวันออก , ซึ่งว่าพระเจ้าไก่ ร้องขัน ๓ ครั้ง เมื่อไหร่ แล้วเราก็จะได้แลดูสีธงด้วยแต่ละครั้ง นั้น ที่ต้องแสงอรุโณทัย ทุกวัน ว่าจะต้องมีสีอะไรบ้าง? แลปัญญาเหล่านั้น เป็นทางอุบายเรืองปัญญา แก่ภูมิภาคตลอดทั่วทั้งโลก นี้ อย่างไร? , ตามคัมภีร์พระเวทเก่า ๆ ก็คงจะพูดเรื่องสี นี่หล่ะ หรือตามคัมภีร์ดาราศาสตร์ ก็คงจะพูดเรื่องสี นี่หล่ะ เพราะด้วยประการทั้งปวง ทั้ง ๖ ประการ รวมเป็น ๑ อย่าง , และที่ว่า ๗อย่าง รวมเป็น อาการ ๑ เดียว ก็คือ เมื่อพอได้มีทุกสีทุกสิ่งรวมกันแล้ว เรื่องย่อมได้อาการไล่ไก่ ไล่กา ไล่แสงโสภาอันฉะนั้น องค์ดำ ให้กลับ เพราะพระองค์ดำถึงจะมีอำนาจไล่พระเจ้าไก่ จดแล้ว เมื่อนั้น จึงให้ได้พัก รักษาตัว ลงในราตรีกาล ที่เงียบสงบแล้วได้เล็งเห็น ในปัญญา และอุบายตามธรรมเหล่านี้ ว่า ‘ญาณในนิรุตติอะไร?จะบอกเรา’ กับคำคล้องจองเหล่านี้ ‘ซึ่งคำว่า หมูหมา กาไก่’ ซึ่งเป็นภาค เป็นพระภาค พระเจ้าอยู่โดยโสดหนึ่ง , เห็นว่า ไก่คู่กับกา และกาคงจะมีหน้าที่เรียกความมืด แต่ว่ามันไม่ได้มีบทบาทตามเวลาเท่าใดนัก , ดังนี้แล้ว ฉะนั้น หมาหรือสุนัข ฉะนั้น มันคงจะมีหน้าที่ร้องบอกสัญญา ทางทิศเหนือ ส่วนหมู ก็ให้มีหน้าที่ร้องบอกสัญญาทางทิศใต้ , ซึ่งคำคล้องจองอื่น ๆ ก็น่าจะเทียบไปจากปัญญานี้ , เพราะว่ามีคำคล้องจองอีกหลายอย่าง และคำกลุ่ม อีกหลายอย่าง , อย่างคำว่า ‘ช้าง ม้า โค ควาย’ ก็เป็นกลุ่มคำ กลุ่มอุบายปัญญา เรืองปัญญา”
“ใคร่จะให้ได้โภชนะ , แล้ว อย่างไร จะได้ให้โภชนะ ฉะนั้น ก็คือไปกระทำการภิกขาจาร คือเที่ยวตระเวนไปตามตรอก ตามชุมชน ตามทาง ตามบ้าน ร้าน และถนน ที่จะมีคน มาถวายโภชนะ หรือใส่บาตร หรืออาจจะถวายปัจจัยใช้สอย สิ่งของอย่างอื่น ๆ ที่ไม่ขัดกันกับสมณกิจ สมณภาระ และสิ่งที่สมณพึงบริโภค ตามที่ให้ปฏิญญา ตามที่ประกาศตน เมื่อเข้ามาบวช แล้วนั้น ว่าจะกระทำตามพุทธประสงค์ ไม่กระทำตนผิด ไม่กระทำขัดพุทธประสงค์ ที่คือคำสอนคือ ย่อมได้มีความประสงค์ จงใจว่า เมื่อบวช จะต้องมีตน ประพฤติตน ในการที่จะประดับอลังการแห่งพระศาสนานี้ อยู่เช่นนี้ ไปด้วยดี ในการที่จะดูตำรับตำรา ยกข้อบทข้อธรรม ที่สมควร และที่พอเหมาะแก่กำลังใจ มาคิดนึก มาเกี่ยวข้องอยู่กับงาน กับกิจสงฆ์ เท่าที่พึงจะ ประพฤติกระทำ เท่าที่จะพึงนึกคิดไปได้ ในทางที่จะระงับโทษ เบาโทษให้มาก และสร้างทางก่อสุข ก่อประโยชน์ให้มาก แด่ทาง คือพระศาสนธรรม ที่อาศัยการบวชฉะนั้น เรื่อง ที่จะก่อประโยชน์ ทุเลาเบาโทษ จากการที่ให้ได้สัญญา อาณัติทั้งปวง มาทางหนังสือ ตำรา, วันนี้ ก็คือ หนังสือ ตาม ‘ใบงาน’ แห่งศัพท์ คำว่า Phisuea, Winyan, Chak, Makkha, Lao, และคำว่า Philap เป็นต้น , ซึ่งเมื่อ จรดอีกหนึ่งคำศัพท์ ต่อไป ก็จะจบเงื่อน จบปม ของการขอดเงื่อน ขอดปม ด้วยกลุ่มคำ นี้ และอันความประกอบ ของคำศัพท์ดังกล่าว ซึ่ง ระบุไว้แล้ว ตาม ชื่อ เล่ม หน้า และบรรทัด ที่พบคำผิดแปลก ไม่ถูกตามสัญญาพึงเป็น ฉะนั้น ก็ได้ต้องให้แสดงข้อสังเกตไว้ แล้ว เตรียมใบงาน สำหรับ กลุ่มคำชุดต่อไป”
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก
2 ความคิดเห็น:
“น่าที่จะยกเรื่อง ‘สีธง’ แลปัญญาตะวันออก หรือปรัชญาตะวันออก ลงว่าเรื่องปรัชญาสว่างไสว ฉะนั้น ก็ย่อมว่ารวมไป ลงในเรื่องของปัญญา นั่นเอง , จัดไว้ ในแง่มุมของเรื่อง และการให้ได้สัญญาอาณัติ มาสู่โลกทั้งปวงนี้ , นัยเพราะว่า ได้สัญญาณ มาจากธง หรือก็คือ ‘สีธง’ เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วก็จำต้องได้เป็นทาสกลางวัน และเป็นทาสของงานวันนี้ ไปจวบจนกว่าจะถึงกลางคืนนั่นแหละ ถึงจะได้พัก , แล้ว เรื่อง ‘สีธง’ ตามปัญญาตะวันออกเหล่านี้ กล่าวนั้น ว่ามี ๖ สี ๖ ข้อเรื่อง , ซึ่งไม่ได้มีปัญหา ว่าใครๆ จะไม่รู้ในข้อนี้
แต่ปัญหามาอยู่ที่ว่า อะไร? คือปรัชญาตะวันออก หรือปัญญาตะวันออก เพราะแต่ปัญญา จากพุทธปรัชญา และพุทธปัญญาที่เรียนกันอยู่ เป็นตะวันตกของฝ่ายตะวันออก อยู่โสดหนึ่ง ด้วยทั้งอาการนั้น ด้วยทั้งภูมิประเทศ ซึ่ง ก็ค่อนจะ ที่จะ ไม่ได้เป็นตะวันออกแท้ ๆ , ไม่เหมือนกับที่ได้มาเป็น ‘ภูมิปัญญาไทย’ ของเราแล้ว ซึ่งจัดว่าเป็นตะวันออกแท้ ทั้งอาการ และทั้งภูมิประเทศ และทางออกไปสู่ภูมิภาค ฉะนั้น ก็ย่อมจะต้องว่า ตะวันออก , ซึ่งว่าพระเจ้าไก่ ร้องขัน ๓ ครั้ง เมื่อไหร่ แล้วเราก็จะได้แลดูสีธง
ด้วยแต่ละครั้ง นั้น ที่ต้องแสงอรุโณทัย ทุกวัน ว่าจะต้องมีสีอะไรบ้าง? แลปัญญาเหล่านั้น เป็นทางอุบายเรืองปัญญา แก่ภูมิภาคตลอดทั่วทั้งโลก นี้ อย่างไร? , ตามคัมภีร์พระเวทเก่า ๆ ก็คงจะพูดเรื่องสี นี่หล่ะ หรือตามคัมภีร์ดาราศาสตร์ ก็คงจะพูดเรื่องสี นี่หล่ะ เพราะด้วยประการทั้งปวง ทั้ง ๖ ประการ รวมเป็น ๑ อย่าง , และที่ว่า ๗อย่าง รวมเป็น อาการ ๑ เดียว ก็คือ เมื่อพอได้มีทุกสีทุกสิ่งรวมกันแล้ว เรื่องย่อมได้อาการไล่ไก่ ไล่กา ไล่แสงโสภาอันฉะนั้น องค์ดำ ให้กลับ เพราะพระองค์ดำถึงจะมีอำนาจไล่พระเจ้าไก่ จดแล้ว เมื่อนั้น จึงให้ได้พัก รักษาตัว ลงในราตรีกาล ที่เงียบสงบ
แล้วได้เล็งเห็น ในปัญญา และอุบายตามธรรมเหล่านี้ ว่า ‘ญาณในนิรุตติอะไร?จะบอกเรา’ กับคำคล้องจองเหล่านี้ ‘ซึ่งคำว่า หมูหมา กาไก่’ ซึ่งเป็นภาค เป็นพระภาค พระเจ้าอยู่โดยโสดหนึ่ง , เห็นว่า ไก่คู่กับกา และกาคงจะมีหน้าที่เรียกความมืด แต่ว่ามันไม่ได้มีบทบาทตามเวลาเท่าใดนัก , ดังนี้แล้ว ฉะนั้น หมาหรือสุนัข ฉะนั้น มันคงจะมีหน้าที่ร้องบอกสัญญา ทางทิศเหนือ ส่วนหมู ก็ให้มีหน้าที่ร้องบอกสัญญาทางทิศใต้ , ซึ่งคำคล้องจองอื่น ๆ ก็น่าจะเทียบไปจากปัญญานี้ , เพราะว่ามีคำคล้องจองอีกหลายอย่าง และคำกลุ่ม อีกหลายอย่าง , อย่างคำว่า ‘ช้าง ม้า โค ควาย’ ก็เป็นกลุ่มคำ กลุ่มอุบายปัญญา เรืองปัญญา”
“ใคร่จะให้ได้โภชนะ , แล้ว อย่างไร จะได้ให้โภชนะ ฉะนั้น ก็คือไปกระทำการภิกขาจาร คือเที่ยวตระเวนไปตามตรอก ตามชุมชน ตามทาง ตามบ้าน ร้าน และถนน ที่จะมีคน มาถวายโภชนะ หรือใส่บาตร หรืออาจจะถวายปัจจัยใช้สอย สิ่งของอย่างอื่น ๆ ที่ไม่ขัดกันกับสมณกิจ สมณภาระ และสิ่งที่สมณพึงบริโภค ตามที่ให้ปฏิญญา ตามที่ประกาศตน เมื่อเข้ามาบวช แล้วนั้น ว่าจะกระทำตามพุทธประสงค์ ไม่กระทำตนผิด ไม่กระทำขัดพุทธประสงค์ ที่คือคำสอน
คือ ย่อมได้มีความประสงค์ จงใจว่า เมื่อบวช จะต้องมีตน ประพฤติตน ในการที่จะประดับอลังการแห่งพระศาสนานี้ อยู่เช่นนี้ ไปด้วยดี ในการที่จะดูตำรับตำรา ยกข้อบทข้อธรรม ที่สมควร และที่พอเหมาะแก่กำลังใจ มาคิดนึก มาเกี่ยวข้องอยู่กับงาน กับกิจสงฆ์ เท่าที่พึงจะ ประพฤติกระทำ เท่าที่จะพึงนึกคิดไปได้ ในทางที่จะระงับโทษ เบาโทษให้มาก และสร้างทางก่อสุข ก่อประโยชน์ให้มาก แด่ทาง คือพระศาสนธรรม ที่อาศัยการบวช
ฉะนั้น เรื่อง ที่จะก่อประโยชน์ ทุเลาเบาโทษ จากการที่ให้ได้สัญญา อาณัติทั้งปวง มาทางหนังสือ ตำรา, วันนี้ ก็คือ หนังสือ ตาม ‘ใบงาน’ แห่งศัพท์ คำว่า Phisuea, Winyan, Chak, Makkha, Lao, และคำว่า Philap เป็นต้น , ซึ่งเมื่อ จรดอีกหนึ่งคำศัพท์ ต่อไป ก็จะจบเงื่อน จบปม ของการขอดเงื่อน ขอดปม ด้วยกลุ่มคำ นี้ และอันความประกอบ ของคำศัพท์ดังกล่าว ซึ่ง ระบุไว้แล้ว ตาม ชื่อ เล่ม หน้า และบรรทัด ที่พบคำผิดแปลก ไม่ถูกตามสัญญาพึงเป็น ฉะนั้น ก็ได้ต้องให้แสดงข้อสังเกตไว้ แล้ว เตรียมใบงาน สำหรับ กลุ่มคำชุดต่อไป”
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก